เทคนิคการเลือกไม้เทนนิส

วิธีการเลือกไม้เทนนิส

การเลือกใช้ไม้เทนนิสให้เหมาะสมกับตัวเองมีความสำคัญมาก ไม้เทนนิสยี่ห้อหนึ่งอาจจะเหมาะสมกับคนหนึ่ง แต่อาจจะไม่เหมาะสมสำหรับอีกคนก็ได้ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเพื่อประกอบในการตัดสินใจ เพื่อความเหมาะสมสำหรับผู้เล่น เราต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างประกอบกัน เช่น โครงสร้างของไม้เทนนิส น้ำหนัก ขนาดของด้ามจับ น้ำหนักสมดุลระหว่างหัวไม้กับด้ามจับ ความสามารถในการเล่น อายุของผู้เล่น สิ่งเหล่านี้ จะมีข้อแตกต่างกันไปสำหรับมือใหม่หัดตี และ พวกที่ช่ำชองแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

น้ำหนักของไม้

น้ำหนักของไม้ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้จะต้องตัดสินใจในการเลือกซื้อให้ดี ให้มีความเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ไม่ใช่ใช้ไม้หนักเกินไปหรือเบาเกินไป เราพึงจะคิดคำนึงถึงกำลังของตนเองด้วยว่าจะคอนน้ำหนักไปได้มากน้อยแค่ไหน เพราะบางทีในการเล่นเกมแรก ๆ ไม้ก็ยังเหมาะมือดีอยู่ แต่พอไปเกมหลัง ๆ เริ่มมีความชำนาญอาจจะใช้ไม้ที่หนักขึ้นทุกที ๆ เหล่านี้เป็นต้น ขนาดของด้ามจับควรกระชับฝ่ามือให้มีความถนัดในการจับมากที่สุด ไม่ควรใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป การเลือกใช้ด้ามจับที่ตนเองไม่ถนัดมีส่วนทำให้การเล่นเทนนิสได้ไม่ดีเท่าที่ควรเช่นกัน

  1. กราไฟ้ท์ 100% จะให้น้ำหนักเบา มีความ แข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่นได้ดี ทำให้ควบคุม ลูกได้ง่าย เหมาะสำหรับ ผู้ที่เล่นได้ดี และช่ำชองแล้ว
  2. กราไฟ้ท์ผสม (Composite) จะมีน้ำหนัก มากกว่าแบบแรก มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะสำหรับ ผู้ที่เล่นเทนนิสเพื่อการ ออกกำลังกาย สังสรรค์ในหมู่เพื่อนฝูง หรือมือใหม่หัดตี
  3. อลูมินั่ม จะมีน้ำหนักเบา ให้ความ แข็งแรง ทนทาน แม้ตีกระแทกพื้นสนาม เหมาะสำหรับ เด็กที่กำลังหัดเล่นใหม่

น้ำหนักสมดุลระหว่างหัวไม้กับด้ามจับ

ไม้เทนนิสแต่ละยี่ห้อจะมีความสมดุลในเรื่องเหล่านี้แตกต่างกันออกไป อย่างเช่น ไม้ยี่ห้อหนึ่งหนักที่หัวไม้มากกว่าด้ามไม้ แต่ไม้อีกยี่ห้อหนึ่งหนักที่ด้ามจับมากกว่าหัวไม้ ดังนั้นผู้เล่นก็ควรจะต้องลองเล่นและพิจารณาดูตนเองว่าชอบเล่นแบบไหน เล่นอยู่ที่ท้ายคอร์ทหรือวอลเลย์ที่หน้าเน็ท ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ การใช้ไม้เทนนิสที่หนักหัวเล่นที่ท้ายคอร์ทจะทำให้การตีลูกเป็นไปอย่างแม่นยำกว่า เพราะน้ำหนักที่หัวไม้ช่วยในการส่งลูกได้ดีกว่า แต่พอใช้เล่นวอลเลย์ที่หน้าเน็ท ไม้ที่หนักหัวจะทำให้ตีลูกได้ช้ากว่าไม้ที่เบาที่หัวไม้ การที่ช้ากว่าแม้จะเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ทำให้เกิดการตีลูกวอลเลย์ ผิดจังหวะไปอย่างน่าเสียดาย

ขนาดของกริป (GRIP)

การเลือกขนาดกริปที่เหมาะสม ควรเลือกใช้ให้ เหมาะมือของแต่ละคน ขนาดของด้ามแร็กเก็ต (Grip) มีลักษณะแปดเหลี่ยม ถ้าเล็กไป จะทำให้แร็กเก็ต ลื่นหลุดมือได้ง่ายแต่ถ้าแร็กเก็ตใหญ่ไปจะจับไม่แน่น วิธีเลือกขนาดของ ด้ามแร็กแก็ต ที่เหมาะสมคือ เมื่อเอามือจับรอยด้าม หัวแม่มือจะไปทาบ บนนิ้วมือนิ้วกลาง ระหว่างนิ้วนางกับนิ้วก้อย ให้มีช่องว่างประมาณ 1-2 เซนติเมตร ซึ่งเป็นความถนัดของแต่ละบุคคล กริบมีขนาดแตกต่างกัน ดังนี้

กริปมี 3 ขนาด

กริปขนาดเล็ก 4 1/4 นิ้ว
กริปขนาดกลาง 4 3/8 นิ้ว
กริปขนาดใหญ่ 4 นิ้ว

ความสามารถในการเล่นเทนนิส
ความสามารถนี้จะสามารถพิจารณาได้จากความสนใจ หรือ จุดประสงค์ในการเล่นเทนนิสของคุณเอง หากคุณมีความตั้งใจและจริงจังที่จะเล่นเทนนิส มีความรู้ ความเข้าใจและรักในกีฬาเทนนิส และ ต้องการพัฒนาฝีมือให้ดียิ่งขึ้น การเลือกไม้ อาจจะพิจารณาจากโครงสร้าง ไม้กราไฟ้ท์ ขนาดของหน้าไม้ตั้งแต่ 90-95 ตร.นิ้ว ความยาวมาตรฐานหรือยาวกว่ามาตรฐานเล็กน้อย แต่กรณีที่คุณสนใจกีฬาเทนนิส เพราะต้องการจะเล่นเทนนิสกับเพื่อนฝูง เล่นเพื่อผ่อนคลาย หรือเป็นการออกกำลังกาย ก็แนะนำว่าไม้เทนนิส ที่มีน้ำหนัก มากกว่าปกติ ซึ่งจะเป็นพวกกราไฟต์ผสม หรือไม้อลูมินั่ม จะเหมาะกับการเล่น มากกว่า เพราะจะควบคุมลูกได้ง่ายกว่า
อายุของผู้เล่น
สำหรับเรื่องของอายุก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรพิจรณา เพราะในแต่ละวัยจะมีความเหมาะสมที่ แตกต่าง กันออกไป เพราะ ผู้เล่นหัดใหม่ที่เป็นเด็กเล็กไม่ควรที่จะใช้ ไม้เทนนิสของผู้ใหญ่ การเลือกไม้เทนนิสเราจึงต้องพิจารณา จากอายุ เป็นเกณฑ์ โดยแบ่งออกได้ คือ
  • Junior ขนาดความยาว 25″ สำหรับเด็กอายุ 7-10 ปี
  • Cadet ขนาดความยาว 23″ สำหรับเด็กอายุ 5-8 ปี
  • Mini ขนาดความยาว 21″ สำหรับเด็กอายุ 4-6 ปี
ส่วนผู้ใหญ่ รวมถึง เด็กที่มีอายุเกิน 10 ขวบ ก็สามารถให้ใช้ไม้ในขนาดปกติ ได้เลย เพราะ ยิ่งจับไม้ เมื่ออายุน้อยๆ ก็ ยิ่งจะมีความเคยชิน
เมื่อเลือกไม้เทนนิสที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนว่าใครจะเล่นได้ดีกว่า ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน หมั่นฝึกซ้อมกันบ่อยๆ ไม่นานรับรองได้เลยว่าเก่งแน่นอน ไม่แน่นะคุณอาจได้เป็น นักเทนนิสระดับโลก ก็ได้ ใครจะไปรู้
อ้างอิง : http://handmade-superman.blogspot.com/2010/08/blog-post.html