1. เกาะหลีเป๊ะ
เกาะงามแห่งทะเลอันดามัน ที่ได้รับการขนานนามว่ามัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะอยู่ทางตอนใต้ของเกาะอาดัง สถานที่ท่องเที่ยวรอบเกาะหลีเป๊ะมีมากมาย เช่น แนวปะการังอยู่ด้านใต้ของเกาะมีและอ่าวเล็ก ๆ มากมาย โดยจะมีชาวบ้านคอยให้บริการเช่าเรือเพื่อท่องเที่ยวไปยังเกาะรอบๆ ซึ่งเต็มไปด้วยแนวปะการัง
บนเกาะหลีเป๊ะมีหาดพัทยา ซึ่งเป็นหาดที่มีความสวยงามที่สุดและนักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อน นอนเล่นอาบแดด มีหาดซันไรซ์ ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม และเงียบสงบ และหาดซันเซ็ต ที่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม
นอกจากนี้ยังมีเกาะเล็กๆ อีกแห่งหนึ่งตรงข้ามกับหมู่บ้านคือ “เกาะกระ” เป็นเกาะที่ได้รับการอนุรักษ์แนวปะการังไว้อย่างดี เหมาะสำหรับการดำน้ำชมความสวยงามของแนวปะการัง
ที่ตั้ง : บ้านเกาะหลีเป๊ะ ตำบลเกาะสาหร่าย อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
2. เกาะอาดังและเกาะราวี
เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของประเทศไทยในเขตทะเลอันดามัน เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงที่โด่งดังทางด้านธรรมชาติหมู่เกาะอาดังราวีเหมาะแก่การดำน้ำลึก แต่ก็สามารถดำบนผิวน้ำได้เช่นกัน เพราะน้ำทะเลค่อนข้างใส
สำหรับจุดดำน้ำลึก นั้นอยู่บริเวณร่องน้ำจาบังมีกองหินจาบังเป็นจุดหมายระหว่างเกาะอาดัง เกาะราวี และเกาะหลีเป๊ะ ลักษณะเป็นกองหินรูปทรงคล้ายภูเขา 5 ยอดอยู่ใต้น้ำ
นอกจากนี้ยังมีปะการังอ่อนหลากสีสันเหมือนสวนดอกไม้ใต้ท้องทะเลส่วนจุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงคือ ร่องน้ำจาบังเป็นจุดที่สามารถดำน้ำแล้วเห็นปะการังอ่อนที่มักพบในจุดดำน้ำลึกได้เช่น ปะการังดาวใหญ่ ปะการังถ้วยสีส้ม ฯลฯ นอกจากนี้ยังพบดอกไม้ทะเล ปลาการ์ตูน ปลาดาวสีฟ้า ฯลฯ
หมู่เกาะอาดังราวี ยังมีแหล่งดำน้ำอื่น ๆ ที่สวยงามอีก เช่น เกาะหินงาม เกาะผึ้ง ซึ่งเหมาะการดำน้ำตื้น ทั้งยังมีจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามคือ ผาชะโด ด้วย
ที่ตั้ง : หมู่เกาะอาดังราวีหมู่ 2 อำเภอละงู จังหวัดสตูล
3. ถ้ำเลสเตโกดอน
ถ้ำเลที่มีความยาวที่สุดในประเทศไทย เพราะมีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร ส่วนคำว่า “สเตโกดอน” คือชื่อของช้างดึกดำบรรพ์ เนื่องจากมีการพบฟอสซิลของช้างสเตโกดอนในถ้ำแห่งนี้และพบหินรูปร่างแปลกตา จึงนำมาซึ่งการสำรวจถ้ำและค้นพบซากฟอสซิลอีกมากมายภายในถ้ำนี้ และตามผนังถ้ำเราก็ยังพอเห็นฟอสซิลของสาหร่ายทะเลอีกด้วย
การเดินทางไปเที่ยวถ้ำด้านหน่าจะพบกับสะพานแขวน และทางลงสู่ปากทางเข้าถ้ำเลสเตโกดอน นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารเรือแคนูเป็นพาหนะพาเข้าไปชมทั้งความงามและความมหัศจรรย์ของถ้ำนี้
ภายในถ้ำเล สเตโกดอนนั้น นอกจากความสวยงามของหินต่างๆ ภายในถ้ำแล้ว ที่นี่ยังมีน่าสนใจอย่างเช่นฟอสซิลของซากพืช ซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่มีอายุโดยเฉลี่ยถึง 500 ล้านปีที่ยังหลงเหลืออยู่อีกด้วย เหมาะสำหรับคนรักการท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์และรักธรรมชาติอย่างยิ่ง
ที่ตั้ง : หมู่ 7 หมู่บ้านคีรีวง ตำบลทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
4. สันหลังมังกร
หรือทะเลแหวกสันหลังมังกร คือคำเรียกขานเกาะแห่งหนึ่งของชาวชุมชนตันหยงโป จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์กลางทะเลอันดามัน
ในยามน้ำทะเลลดลงจะดูเหมือนกระแสน้ำหลีกทางให้สันทรายโผล่ขึ้นมาซึ่งเป็นสันทรายที่เต็มไปด้วยซากเปลือกหอยนับหลายล้านตัวทับถมกัน ทำให้เกิดเป็นเส้นทางคดเคี้ยวยาวกว่า 3 กิโลเมตรสามารถเชื่อมไปยังอีกเกาะหนึ่งได้ หรือเปรียบเสมือนกับมังกรฟ้าถลาลงเล่นน้ำทำให้นักท่องเที่ยวได้เดินบนสันหลังมังกรที่เคลื่อนไหวพลิ้วอย่างสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อหาดแห่งนี้
ทะเลแหวกสันหลังมังกร เป็นอีกหนึ่งโปรแกรมทัวร์ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเพราะเดินทางสะดวก โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือท่าเรือบ้านบากันเคย ตำบลตันหยงโปได้เลย และจะมีชาวบ้านชุมชนบากันเคยนำเรือหางยาวมาคอยให้บริการทุกวัน ใช้เวลาเดินทางเพียง 20 นาที
ที่ตั้ง : หมู่1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมืองสตูล จังหวัดสตูล
5. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา
ชาวบ้านรู้จักกันในอีกสมญานามว่าตำนานหมู่เกาะทะเลใต้เป็นอุทยานแห่งชาติที่ยังคงความงดงามและสมบูรณ์ของเกาะไว้ได้ จนได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกแห่งอาเชียนในปี พ.ศ.2525
“ตะรุเตา” เป็นคำที่เพี้ยนมาจากคำว่า “ตะโละเตรา” ในภาษามลายู แปลว่า มีอ่าวมาก ตะรุเตาเป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในทะเลอันดามันบริเวณช่องแคบมะละกา มหาสมุทรอินเดีย ทางด้านใต้ของเขตอุทยานแห่งชาติห่างจากชายแดนไทย-มาเลเซีย เพียง 4.8 กิโลเมตรประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่จำนวน 51 เกาะ รวมทั้งพื้นที่บนเกาะและทะเลประมาณ 931,250 ไร่ หรือ 1,490 ตารางกิโลเมตร
อุทยานแห่งชาติตะรุเตาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในความใฝ่ฝันของนักท่องเที่ยวเนื่องจากเป็นจุดรวมของความงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ทั้งบนเกาะและในน้ำมีป่าที่อุดมสมบูรณ์เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิดในน้ำก็งดงามด้วยกลุ่มปะการังหลากสีสวยสด จนเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก
ที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ต.ปากน้ำ อ.ละงู จ.สตูล
6. ถ้ำภูผาเพชร
ถ้ำขนาดใหญ่ติดอันดับ 4 ของโลก มีเนื้อที่ภายในถ้ำกว่า 50 ไร่ ธรรมชาติได้รังสรรค์ความงามไว้อย่างน่าอัศจรรย์มีเพดานถ้ำสูงโปร่ง มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ซึ่งมีอายุมากกว่าร้อยล้านปีจนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2541 นักโบราณคดีได้เข้าสำรวจบริเวณถ้ำตามคำเล่าของพระธุดงด์นามว่า”หลวงตาแผลง” ผู้ค้นพบถ้ำแห่งนี้
จากหลักฐานนักโบราณคดีได้สันนิษฐานว่า ถ้ำภูผาเพชรแห่งนี้น่าจะเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ 3000 ปีมาแล้ว โดยพบหลักฐานทางโบราณคดี กระดูกมนุษย์ยุคโบราณส่วนกะโหลกศีรษะ พบเศษภาชนะดินเผาเคลือบลายเชือกทาบ ที่ก้นภาชนะมีเปลือกหอยยึดเกาะ
ภายในถ้ำจัดสรรแบ่งเป็นห้องต่างๆ 20 ห้อง มีไฟส่องสว่างตามทางเดิน มีการตั้งชื่อแต่ละห้องตามธรณีสัณฐานที่พบเห็นเช่น ห้องม่านเพชร มีลักษณะคล้ายผ้าม่านแขวนเป็นหลืบซ้อนกัน ห้องพญานาค มีหินงอกต่อตัวกันคล้ายงูใหญ่หรือพญานาค
ส่วนประเภทของหินงอกก็จะมีชื่อต่างๆ ตามรูปทรงที่พบเห็นมีมากถึง 31 แห่ง เช่น ดอกเห็ด ซุ้มประตู หัวแหวนเพชร สายน้ำเพชร หัวพญานาค เศียรพระ
ที่ตั้ง : บ้านป่าพน ตำบลปาล์มพัฒนา อำเภอมะนัง จังหวัดสตูล
7. ถ้ำเจ็ดคต ล่องแก่งวังสายหมอก
เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงดงามน่าไปเยือนอีกหนึ่งในสตูล ถ้ำเจ็ดคตมีลักษณะคดเคี้ยว และทะลุผ่านภูเขา มีลำธารไหลผ่านภายในถ้ำ สามารถล่องเรือภายในถ้ำได้
ตลอดระยะทางเพื่อชมธรรมชาติและหินย้อยมีหาดทรายขาวระยิบระยับภายในถ้ำบริเวณมุมที่คดเคี้ยวคล้ายกับเพชรที่โปรยไว้ที่หาดทราย บริเวณหาดทรายสามารถกางเต็นท์ได้ อากาศเย็นสบาย ไม่อับชื้น ฤดูท่องเที่ยวประมาณเดือนพฤษภาคม-ตุลาคม
ภายในถ้ำแบ่งเป็น 7 ช่วง มีบรรยากาศแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางสำหรับล่องแก่ง โดยการใช้บริการของทัวร์หรือชมรมล่องแก่ง ซึ่งจะใช้เรือคายักและเรือยางเป็นพาหนะ เป็นกิจกรรมล่องแก่งเที่ยววังสายทอง อำเภอมะนัง เนื่องจากมีแม่น้ำหลายสายไหลแล้วก็มาบรรจบกันหลายจุด นักท่องเที่ยวที่ชอบการล่องแก่งควรมาในฤดูฝน
ที่ตั้ง : หมู่ 5 ตำบลปาล์มพัฒนา จากตัวเมืองสตูล
8. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูล
จัดแสดงในคฤหาสน์กูเด็น สร้างขึ้นโดยพระยาภูมินารถภักดี หรือตวนกูบาฮารุตดิน บินตำมะหง เจ้าเมืองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ระหว่าง พ.ศ.2441-2459 เป็นสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโคโลเนียล สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวคราวเสด็จปักษ์ใต้ แต่มิได้ประทับแรมต่อมาจึงใช้เป็นบ้านพักและศาลาว่าการเมืองสตูล
จนกระทั่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 ใช้เป็นกองบัญชาการทหารญี่ปุ่น สำนักงานเทศบาล ศาลากลางจังหวัดสตูล โรงเรียนเทศบาล 1 แล้วจึงใช้เป็นสำนักงานกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสตูลเป็นอาคาร 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา ผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดแสดงนิทรรศการและส่วนบริการ 10 ห้องดังนี้
ห้องที่ 1 ห้องข้อมูลข่าวสารห้องที่ 2 ห้องภูมิหลังเมืองสตูลห้องที่ 3 ห้องประชาสัมพันธ์ห้องที่ 4 ห้องวิถีชีวิตชาวสตูลห้องที่ 5 ห้องจัดแสดงนิทรรศการชั่วคราวห้องที่ 6 ห้องบ้านเจ้าเมืองห้องที่ 7 ห้องเรือนชานชาวบ้านห้องที่ 8 ห้องรับแขกร่วมสมัยกูเด็นห้องที่ 9 ห้องวัฒนธรรมชาวไทย-มุสลิมห้องที่ 10 ส่วนชั้นดาดฟ้า
ที่ตั้ง : ถนนสตูลธานี ซอย 5 อำเภอเมือง จังหวัดสตูล
9. เกาะบุโหลนเล
เป็นเกาะบรรยากาศเงียบสงบ นักท่องเที่ยวจึงสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของชาวเกาะได้ที่หมู่บ้านชาวประมงเกาะบุโหลนเล ตั้งอยู่บริเวณอ่าวพังกาใหญ่และอ่าวพังกาเล็กทางด้านทิศเหนือของเกาะบุโหลนเล ที่เกาะบุโหลนเลแห่งนี้มีต้นไม้หลากหลาย รวมไปถึงสัตว์ป่าเล็กๆ เช่นกระรอก นกเงือก หรือตัวตะกวดด้วย
ส่วนที่แนวเกาะทางด้านทิศใต้นั้นสามารถเดินทะลุออกมายังอ่าวม่วง อันเป็นที่ตั้งของหาดทรายรูปวงพระจันทร์ ซึ่งเป็นหาดที่แตกต่างออกไปจากหาดทรายที่อื่น ส่วนทางทิศตะวันออกของหาดม่วงมีลำห้วยเล็กๆ ของเกาะ
นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมรอบเกาะได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยทางเท้าเช่น ถ้ำรูจมูก อ่าวพังกาน้อยถ้ำค้างคาวทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ
ที่ตั้ง : อ.ละงู จ.สตูล
10. เกาะเภตรา
มีทิวทัศน์ทางทะเลสวยงาม มีปะการังและหาดทรายขาวสะอาดมีโขดหิน หน้าผา ถ้ำ และเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาทั้งเป็นที่วางไข่และอยู่อาศัยของเต่าทะเลหลายชนิด
สภาพภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตราส่วนใหญ่เป็นเกาะเขาหินปูนที่มีความลาดชันสูง มีที่ราบเพียงเล็กน้อยในบริเวณที่เป็นหุบเขาและชายหาด
ประกอบด้วยเกาะมากกว่า 22 เกาะกลางท้องทะเลอันดามัน เรียงรายกระจัดกระจายตั้งแต่เขตอำเภอละงู อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เรื่อยไปจนจรดอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ครอบคลุมพื้นที่ชายฝั่งทะเลและเกาะน้อยใหญ่ เหมาะสำหรับการมาดำน้ำและพักผ่อนแบบเงียบสงบ
ที่ตั้ง : อำเภอทุ่งหว้าและอำเภอละงู จังหวัดสตูล