สถานที่ท่องเที่ยว จ.ฉะเชิงเทรา

1

“ฉะเชิงเทรา” หรือเมืองแปดริ้ว เป็นหนึ่งในจังหวัดทางภาคตะวันออกที่มีอาณาเขตติดกับกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทั้งทางด้านธรรมชาติและวิถีชีวิตความอยู่เงียบสงบ เน้นการเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์ เหมาะสำหรับพาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนแบบชิล ๆ แถมใช้เวลาเดินทางไม่มาก จึงได้รวบรวมเอาสถานที่ท่องเที่ยวเด็ด ๆ ของจังหวัดฉะเชิงเทรามาฝากกัน ส่วนจะมีที่ไหนบ้างเราไปตะลุยกันเลยค่ะ…

2

3

1.วัดโสธรวรารามวรวิหาร

Sothorn Wararam Woraviharn temple

มาเริ่มกันกับสถานที่ท่องเที่ยวแรก คือ วัดโสธรวรารามวรวิหาร เดิมชื่อว่า วัดหงษ์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของฉะเชิงเทรา คือ “หลวงพ่อพุทธโสธร” พระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร สูง 1.48 เมตร สร้างขึ้นโดยฝีมือของช่างล้านช้าง ภายในพระอุโบสถประกอบด้วยศิลปะภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบ นับตั้งแต่พื้นพระอุโบสถ เสา ผนัง และเพดาน ที่บรรจุเรื่องราวให้เป็นแดนแห่งทิพย์ เป็นเรื่องราวของสีทันดรมหาสมุทร จตุโลกบาล สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พรหมโลก ดวงดาว และจักรวาล

สำหรับสถานที่ประดิษฐานหลวงพ่อโสธรจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในส่วนของวิหารจำลอง เนื่องจากทางคณะกรรมการวัดมีมติให้รื้อพระอุโบสถหลังเก่า ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมและคับแคบ แล้วสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ พร้อมกับอัญเชิญพระพุทธโสธรองค์จำลองไปประดิษฐานไว้เพื่อเปิดให้ประชาชนได้นมัสการตามปกติ โดยเปิดให้ชมทุกวันในเวลา 07.00-16.30 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ระหว่างเวลา 07.00 – 17.00 น. สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดโสธรฯ โทรศัพท์  0 3851 1048, 0 3851 1666 และบริเวณใกล้วัดยังมีท่าน้ำ ที่มีเรือบริการท่องเที่ยวลำน้ำบางปะกงไปขึ้นที่ตลาดบ้านใหม่อีกด้วย

2. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ตั้งอยู่ตำบลเขาหินซ้อน ริมทางหลวงหมายเลข 304 กิโลเมตรที่ 51-52 อยู่ห่างจากอำเภอพนมสารคาม 17 กิโลเมตร มีเนื้อที่กว้างใหญ่ประมาณ 1,895 ไร่  ศูนย์แห่งนี้ได้รับสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2522 เนื่องมาจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีสภาพเสื่อมโทรม ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ เนื้อดินเป็นทราย มีการชะล้างพังทลายของดินสูง ในหลวงได้ทรงพัฒนาพื้นที่สภาพแวดล้อมและระบบนิเวศน์บริเวณศูนย์ ทั้งแหล่งน้ำ ฟื้นฟูสภาพป่า การพัฒนาดิน การวางแผนการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ด้วยวิธีการเกษตรแผนใหม่ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิตและเป็นศูนย์รวมการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้เป็นต้นแบบแนวทางและตัวอย่างการพัฒนาให้แก่พื้นที่อื่น

ภายในศูนย์มีการแบ่งพื้นที่เพื่อทำการสาธิตและทดลองงานต่าง ๆ ได้แก่ การพัฒนาที่ดิน, การปศุสัตว์, การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ, งานศิลปาชีพและโครงการสวนป่าสมุนไพร, มีแปลงทดลองปลูกพืชนานาชนิด อาทิ  พันธุ์หวายที่มีในประเทศไทย อโวคาโด มะม่วงทุกพันธุ์ทั้งของไทยและต่างประเทศ โดยจัดตั้งเป็น “สวนพฤกษศาสตร์ภาคตะวันออก” เพื่อดูแลงานวิจัยเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของพืชสมุนไพรต่าง ๆ ภายในอาคารจัดเป็นนิทรรศการบรรยายและสาธิตการผลิตสมุนไพรต่าง ๆ รวมทั้งมีห้องอบสมุนไพรซึ่งเปิดบริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์  เวลา 08.00-16.00 น. ค่าบริการราคา 30 บาทต่อคนทั้งนี้ สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้าชมศูนย์เป็นหมู่คณะและต้องการเจ้าหน้าที่นำเที่ยว โดยทำจดหมายติดต่อล่วงหน้า ซึ่งใช้เวลาชมประมาณ 2 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน ในเวลา 08.00-17.00 น. โทรศัพท์ 0 3859 9105-6 หรือเว็บไซต์ khaohinsorn.com

3. ตลาดคลองสวน 100 ปี

ตลาดคลองสวนร้อยปี

ตลาดคลองสวน 100 ปี ตั้งอยู่ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ถือเป็นตลาดเก่าแก่ที่เปิดบริการมาอย่างยาวนาน เป็นสถานที่ผสมผสานวิถีชีวิตของชาวคลองสวน ทั้งชาวไทยจีน, ชาวไทยพุทธ, ชายไทยมุสลิม ผสมผสานวัฒนธรรมและการดำรงชีวิตประจำวัน อีกทั้งตลาดแห่งนี้ยังเป็นแหล่งนัดพบของผู้คนเพื่อแลกเปลี่ยนทัศนคติกันอีกด้วย สำหรับกิจกรรมการท่องเที่ยวของที่นี่ นอกจากการเดินทางมาสัมผัสวิถีชีวิตร่วมสมัยแล้ว ยังมีกิจกรรมแวะใส่บาตรที่ตลาดเก่าคลองสวน 100 ปี ยามเช้าเพื่อความรู้สึกอิ่มบุญท่ามกลางบรรยากาศเป็นธรรมชาติ ชิมอาหารคาวและหวานที่มีสูตรเฉพาะ ชมของเก่าและสถาปัตยกรรม รวมทั้งยังมีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ตลาดคลองสวน 100 ปี เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. (จะคึกคักน่าเที่ยวที่สุดในวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ เทศบาลตำบลคลองสวน โทรศัพท์ 0 2739 3329, 0 2739 3253

4. วัดโพธิ์บางคล้า

วัดโพธิ์บางคล้า

ตั้งอยู่ตำบลบางคล้า อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา อยู่ห่างจากตัวเมืองฉะเชิงเทรา 23 กิโลเมตร ชื่อของว่า “วัดโพธิ์” นั้นสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นปี พ.ศ. 2310-2325 สมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เนื่องจากตัววัดเป็นศิลปะอยุธยากับรัตนโกสินทร์ พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐฉาบปูน หลังคาทรงจั่วมุงกระเบื้องเกล็ดเต่าทำจากดินเผา ส่วนภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์  บริเวณวัดจะเห็นค้างคาวแม่ไก่เกาะอยู่ตามต้นไม้ ซึ่งเป็นค้างคาวสายพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หน้าตาเหมือนสุนัขจิ้งจอก คือ มีดวงตาโต จมูกและใบหูเล็ก ขนสีน้ำตาลแกมแดง และมีเล็บที่แหลมคมสามารถเกาะกิ่งไม้ได้ มีปีกสีดำ บินได้เร็วและไกลเหมือนนก กางปีกกว้างประมาณ 3 ฟุต ซึ่งเคยมีผู้เฝ้าสังเกตการหากินของค้างคาวที่นี่ และพบว่าค้างคาวบินไปหากินไกลถึงเขตชายแดนไทยหรือฝั่งประเทศกัมพูชาอีกด้วยนักท่องเที่ยวที่ล่องเรือชมทัศนียภาพตามลำน้ำบางปะกงสามารถแวะขึ้นชมวัดได้ ซึ่งทางวัดเปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

5. วัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่)

วัดจีนประชาสโมสร

วัดจีนประชาสโมสร (วัดเล่งฮกยี่) ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ ตำบลบ้านใหม่ ห่างจากศาลากลางจังหวัด 1 กิโลเมตร เป็นวัดจีนในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานที่ขยายมาจากวัดเล่งเน่ยยี่ในกรุงเทพฯ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2449 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรี เพื่อเปิดทางรถไฟสายกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ได้ทรงพระราชทานนามวัดว่า “วัดจีนประชาสโมสร” ส่วนชื่อภาษาจีนของวัด คำว่า “ฮก แปลว่า วาสนา โชคลาภ ความมั่งมีศรีสุข เล้ง หรือ เล่ง หมายถึง มังกร จึงมีผู้เรียกวัดนี้ ว่า มังกรวาสนา หรือ มังกรแห่งโชค” ตามหลักฮวงจุ้ยจีน กล่าวว่า วัดนี้ถือเป็นตำแหน่งท้องมังกร ส่วนตำแหน่งหัวมังกรอยู่ที่วัดเล่งเน่ยยี่ จังหวัดกรุงเทพฯ และหางมังกรนั้นอยู่ที่วัดเล่งฮัวยี่ จังหวัดจันทบุรี ทั้งสามตำแหน่งของมังกรพาดผ่านดินแดนของความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์  เยาวราชดินแดนแห่งการค้าขาย เมืองแปดริ้วดินแดนแห่งความอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และจังหวัดจันทบุรีเมืองแห่งอัญมณีพลอย

ภายในวัดจีนประชาสโมสรมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย เช่น ท้าวจัตุโลกบาลขนาดใหญ่ 4 องค์ทำจากกระดาษที่ประตูทางเข้า พระประธาน 3 องค์และองค์ 18 อรหันต์ ทำด้วยกระดาษนำมาจากเมืองจีน รูปหล่อเทพเจ้าแห่งโชคลาภ (ไฉซิ้งเอี้ย) ที่อยู่ด้านขวาขององค์พระประธานและยังมีเทพเจ้าอีกหลายองค์ตามคติจีน ระฆังใบใหญ่น้ำหนักกว่า 1 ตัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 ใบในโลกที่รอบระฆังมีอักษรมหาปรัชญาปารมิตราสูตรถือกันว่าผู้ได้ใดตีระฆังก็เหมือนกับการสวดมนต์ซึ่งได้บุญกุศล นอกจากนี้ ยังมีวิหารศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น วิหารบูรพาจารย์, วิหารเจ้าแม่กวนอิม, วิหารตี่จั๊งอ๊วง และสระนทีสวรรค์ เป็นต้น

6. วัดสมานรัตนาราม

Chachoengsao-(1)

“วัดสมานรัตนาราม” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำบางปะกง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มี  องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข ซึ่งถือเป็นปางนอนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ใกล้กับโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ กันมี องค์พระพิฆเนศวรปางยืน สร้างที่ริมแม่น้ำบางปะกง ตำบลบางตลาด จังหวัดฉะเชิงเทราและใกล้ ๆ กันยังเป็นที่ตั้งขององค์พระพิฆเนศวรปางนั่ง สร้าง ณ เชิงภูเขา วัดเขาแดง ตำบลสาลิกา จังหวัดนครนายก ให้ได้ไปกราบไหว้อีกด้วย

สำหรับ องค์พระพิฆเนศวรปางนอนเสวยสุข หมายถึง ความสุขสบาย ความสุขบริบูรณ์มั่งคั่งพร้อมทุกด้าน รื่นรมย์ ไร้ทุกข์ ไร้ความเศร้าหมอง อิ่มหนำ สำราญ มีกินมีโชคลาภจะนำความสุขสบายมาสู่ผู้บูชา ซึ่งมีเนื้อชมพู มีขนาดความสูง 16 เมตร และความกว้าง 14 เมตร ลักษณะนั่งกึ่งนอนตะแคงบนฐาน พระหัตถ์บนด้านขวาทรงเชือกบ่วงบาศน์ที่ทรงใช้ในการนำพามนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งธรรมะ และหลุดพ้นพร้อมทรงขจัดอุปสรรคในระหว่างทาง พระหัตถ์บนซ้ายทรงเชือกขอสับ ที่ใช้ในการป้องกันและพันฝ่าความยากลำบาก พระหัตถ์ขวาล่างทรงงาที่หักครึ่ง เป็นสัญลักษณ์แห่งความเสียสละ พระหัตถ์ขวาด้านบนถือดอกบัว อีกทั้งทรงมีใบหูที่กว้างใหญ่เหมือนใบพัดหมายความว่า ท่านพร้อมที่รับฟังสิ่งที่เราร้องเรียนและเรียกหา มีงูที่พันอยู่รอบท้องท่าน แสดงถึงพลังที่มีอยู่โดยรอบ และหนูที่ทรงใช้เป็นพาหนะ แสดงถึงความไม่ถือองค์ พร้อมที่จะเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตที่เล็ก และเป็นที่รังเกียจของมนุษย์ส่วนมาก อีกทั้งบริเวณรอบ ๆ ฐานพิฆเนศองค์ใหญ่ จะมีพระพิฆเนศทั้ง 32 ปาง ประดิษฐานอยู่ เพื่อให้ผู้คนกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย

ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่วัดสมานรัตนารา(ใหม่ขุนสมาน) ตำบลบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โทรศัพท์ 08 1983 0400 หรือที่เว็บไซต์watsaman56.com

7. ตลาดบ้านใหม่ ตลาดริมน้ำร้อยปี

ตลาดบ้านใหม่

ตลาดริมน้ำร้อยปี ตั้งอยู่ที่ถนนศุภกิจ (ทางไปอำเภอบางน้ำเปรี้ยว) เป็นตลาดโบราณริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงอายุกว่า 100 ปี ที่สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตผู้คนกับชุมชนที่อยู่ริมแม่น้ำมาเก่าแก่ตั้งแต่ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5 และเพื่อเป็นการอนุรักษ์วิถีชีวิตแบบนี้เอาไว้และสร้างอาชีพให้ชาวชุมชน จึงเกิด “ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่” ในตลาดจะมีสินค้าต่าง ๆ จำหน่ายทั้งอาหาร ข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวเป็ด กาแฟโบราณ เครื่องดื่มโบราณ สมุนไพร ขนมทั้งไทย จีน ของเล่นโบราณ ของฝากของที่ระลึกต่าง ๆ วันเสาร์และอาทิตย์จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสินค้ามาขายมากกว่าวันธรรมดา ระหว่างเวลา 09.00-1700 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ชมรมรักษ์ตลาดบ้านใหม่ โทรศัพท์ 0 3881 7336, 08 6148 4513, 08 9881 7161, 08 9666 4266

8. ศาลมณฑลปราจีนบุรี

ศาลมณฑลปราจีนบุรี

ตั้งอยู่ที่ถนนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ใกล้กับศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ในอดีตเป็นที่ตั้งของศาลมณฑลปราจีน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชมหาราช ขณะทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ ได้เสด็จประทับเป็นองค์ประธานคณะผู้พิพากษา เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2489  ปัจจุบันใช้เป็นอาคารพุทธสมาคมฉะเชิงเทรา โดยกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ส่วนบริเวณโดยรอบเป็นตึกแถวเก่าบริเวณถนนพานิชซึ่งเป็นย่านร้านค้าที่อนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบเก่าไว้ ซึ่งทางจังหวัดได้ปรับปรุงทาสีให้มีความสวยงามโดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.

9. วัดหงษ์ทอง

วัดหงษ์ทอง

วัดหงษ์ทอง ตั้งอยู่หมู่ที่ 9 ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง มีการสร้างเจดีย์ที่บรรจุพระธาตุในทะเลใช้ชื่อว่า พระธาตุคงคามหาเจดีย์ปรีชาประภากรณ์ปราชญ์ศรนิลอนุสรณ์ ซึ่งเป็นที่บรรจุพระธาตุอรหันต์ในทะเลซึ่งเป็นแห่งแรกของโลก เปิดทำการเวลา 08.30-16.30 น.
10. คุ้มวิมานดิน

คุ้มวิมานดิน

และสถานที่สุดท้าย ถือเป็นแหล่งความรู้เกี่ยวกับเครื่องปั้นดินเผาทุกชนิดเลยก็ว่าได้ สำหรับคุ้มวิมานดินแหล่งท่องเที่ยวแบบใหม่สำหรับทุกคนในครอบครัว ที่นี่นอกจากจะเป็นแหล่งผลิตงานปั้นดินเผาในรูปแบบการปั้นมือล้วน ๆ แล้ว ยังมีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาร่วมทำกิจกรรมการปั้นดินด้วยตัวเอง, การชมบ้านดิน พร้อมทั้งเรียนรู้การเกษตรแนวธรรมชาติ รวมทั้งการเลือกซื้อสินค้าเครื่องปั้นดินเผาในราคาย่อมเยาอีกด้วย ทั้งนี้ สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ คุ้มวิมานดิน 121/1 หมู่ 3 ตำบลคลองเขื่อน อำเภอคลองเขื่อน จังหวัดฉะเชิงเทรา และที่ โทรศัพท์ 087 825 1338 หรือที่เว็บไซต์ koomwimarndin.com และ เฟซบุ๊ก koomwimarndin