วันสำคัญทางศาสนาเวียนมาบรรจบอีกครั้ง คราวนี้เป็นคิวของ วันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลระดับโลก มีความสำคัญคือเป็นทั้งวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธสมัยใหม่แม้จะห่างไกลเรื่องพวกนี้ไปบ้าง แต่เชื่อว่าเมื่อวันพิเศษแบบนี้มาถึง ทุกคนก็ไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญ
เชื่อว่าวันที่ 29 พฤษภาคม หรือวันวิสาขบูชาปีนี้ หนุ่มสาวคงไม่พลาดที่จะนัดเพื่อนๆ หรือชวนครอบครัวไปทำบุญ สวดมนต์ และเวียนเทียน เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าพระศาสดาของศาสนาพุทธกันอย่างเนืองแน่นเช่นเคย ใครที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเวียนเทียนที่ไหน วันนี้เราขอชี้เป้าแนะนำ 9 สถานที่ที่น่าไปเที่ยวชม พร้อมร่วมกิจกรรมเวียนเทียนอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มาฝากกัน
ส่วนจะมีที่ไหนบ้าง มาดูกัน
1.เวียนเทียนกลางน้ำ กว๊านพะเยา วัดติโลกอาราม
ประเพณีเวียนเทียนกลางน้ำ กว๊านพะเยา 1 ปี จะจัดขึ้น 3 ครั้ง เฉพาะวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาคือวันมาฆบูชา, วันวิสาขบูชา และวันอาสาฬหบูชา พุทธศาสนิกชนจะได้นั่งเรือเวียนเทียนกลางน้ำแห่งเดียวในประเทศไทย
เมื่อถึงวันเทศกาลเวียนเทียน โดยเวลาดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า พุทธศาสนิกชนจะนำดอกไม้ ธูป เทียนบูชาจุดไฟสว่างไสว ล่องเรือเวียนเทียนบูชาองค์พระปฏิมากลางน้ำ 3 รอบ และกราบสักการะหลวงพ่อศิลาพระพุทธรูปเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี
2.วัดมเหยงคณ์
วัดมเหยงคณ์ เดิมเป็นพระอารามหลวง และกลายเป็นวัดร้างไปภายหลังกรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อ พ.ศ. 2310 วัดนี้ตั้งอยู่ ณ หมู่ที่ 5 ตำบลหันตรา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยู่นอกเขตเมืองมาทางทิศตะวันออก ถ้าเดินมาจากถนน สายเอเชีย แยกเข้าสู่ถนนโรจนะเพื่อมุ่งเข้าเกาะเมือง พอมาถึงเจดีย์วัดสามปลื้มเลี้ยวขวาอ้อมวงเวียนมาตามถนนระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าวัดมเหยงคณ์ ท่านจะมองเห็นผนังอุโบสถก่อด้วยอิฐสีแดงตระหง่านแต่ไกลศรีอยุธยา
3.ประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษา จ.อุบลราชธานี
4.พุทธมณฑล
พุทธมณฑล เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา อยู่ใน ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม มีพระพุทธรูปปางลีลาประจำพุทธมณฑล เรียกว่า พระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ปัจจุบันนอกจากจะเป็นศูนย์รวมการจัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาและจัดประเพณีกิจกรรมต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปพักผ่อนได้อีกด้วย
5.วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร
วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม เป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จังหวัดนครปฐมใช้พระปฐมเจดีย์เป็นตราประจำจังหวัด
พระปฐมเจดีย์ที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นองค์ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อ พ.ศ. 2396 โดยโปรดเกล้าฯให้สร้างครอบพระเจดีย์องค์เดิม ซึ่งเป็นเจดีย์เก่าแก่มีฐานแบบโอคว่ำและมียอดปรางค์อยู่ข้างบน สันนิษฐานว่ามีอายุอยู่ในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 4 พระเจดีย์องค์ใหม่มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงกลม รูประฆังคว่ำแบบลังกา มีความสูงจากพื้นดินถึงยอดมงกุฎ ประมาณ 120.5 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ทรงบูรณะวัดพระปฐมเจดีย์ให้สง่างามมากขึ้น และถือว่าวัดพระปฐมเจดีย์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 6
6.วัดอโศการาม
วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ บริเวณวัดกว้างขว้าง ร่มรื่น พร้อมทั้งมีสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างที่น่าสนในและน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง อาทิเช่นพระธุตังคเจดีย์ เป็นพระเจดีย์หมู่รวม 13 องค์ แต่ละองค์ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นที่ระลึกถึงธุดงควัตร 13 ประการ วิหารวิสุทธิธรรมรังสี อาคารจตุรมุข 3 ชั้นส่วนยอดเป็นมณฑปประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุเช่นกัน ภายในวิหารประดิษฐานสรีระท่านอาจารย์ลี
นอกจากนี้ยังเที่ยวชมธรรมชาติ ป่าชายเลน ชมฝูงนก และสัตว์ต่าง ๆ ที่มาอาศัยอยู่ในบริเวณป่าชายเลน เป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริเวณเหล่านี้วัดได้กำหนดให้เป็นเขตอภัยทาน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับมานั่งสมาธิ ทำบุญ พร้อมเที่ยวชมธรรมชาติไปในตัว
7.วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)
ส่วนเจดีย์ภูเขาทองนั้นเริ่มสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโดยทรงเลียนแบบมาจากภูเขาทอง ในสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วเสร็จในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้รับพระราชทานนามว่า สุวรรณบรรพต มีความสูง 77 เมตร
8.วัดพระศรีอารย์
วัดพระศรีอารย์ อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี สร้างสมัยปลายกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี 2275 มีอายุประมาณ 260 ปี เดิมชื่อ วัดสระอาน ไม่มีพระภิกษุมาอยู่จำพรรษาจนถึงประมาณปี 2475 เริ่มมีพระภิกษุเข้ามากจำพรรษาเรื่อยมา ในปี 2500 ได้เปลี่ยนชื่อจากวัดสระอาน เป็น วัพระศรีอารย์
ที่เป็น Unseen ของที่นี่คือ อุโบสกทองคำร้อยล้าน ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 37 ปี ด้วยแรงศรัทธาจากชาวบ้าน เป็นพระอุโบสถตกแต่งด้วยงานปูนปั้นสีทองทั้งหลัง เด่นตระหง่านอยู่กลางลานกว้างแยกออกจากพื้นที่เขตสังฆาวาสอย่างชัดเจน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปคู่วัดคือพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ (ผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในลำดับถัดไป) พุทธลักษณะเด่นคือมีตาลปัตรอยู่ด้านหน้า ส่วนองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปสลักหินหยกขาวพุทธศิลป์แบบพม่า ภายในติดกระจก ลงรักปิดทองบานประตู หน้าต่างแกะสลักเรื่องพุทธประวัติ ฝาผนังแต่งแต้มด้วยจิตรกรรมเรื่องพระมหาชนกพระเจ้า 5 พระองค์ พระประธานในอุโบสถ สร้างจากหินหยก
นอกจากนี้แล้ว วัดพระศรีอารย์ยังจัดศูนย์อบรมค่ายพุทธบุตร สอนให้ยุวชนเข้าใจถึงหลักคำสั่งสอนของพระพุทธองค์อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่มาชมอุโบสถทองคำร้อยล้านแห่งนี้แล้ว ยังจะมีโอกาสได้กราบสักการะร่างของหลวงพ่อขันธ์ (อดีตเจ้าอาวาส) ที่ไม่เน่าเปื่อยอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย
9.พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2528 ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุอันเป็นที่เคารพสักการะของผู้คนมากมาย พระมหาเจดีย์ชัยมงคลได้กรมศิลปากรมาออกแบบการก่อสร้างให้ โดยเป็นแบบศิลปกรรมร่วมสมัยแบบผสมผสานระหว่างภาคกลางและภาคอีสานคือเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม
ภายในพระมหาเจดีย์ซึ่งมีทั้งหมด 6 ชั้น คือ ชั่นที่ 1 เป็นชั้นเอนกประสงค์สำหรับใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา ชั้นที่ 2 เป็นศาลาประชุมสงฆ์ ชั้นที่ 3 เป็นพระอุโบสถที่จัดแสดงรูปเหมือนคณาจารย์องค์สำคัญในประเทศไทย ทั้งหมด 101 องค์ ชั้นที่ 4 เป็นจุดชมวิวรอบองค์เจดีย์ ชั้นที่ 5 เป็นชั้นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ชั้นที่ 6 เป็นชั้นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและอัฏฐิธาตุพระอรหันต์องค์ต่างๆ
นี้เป็นแค่ตัวอย่างที่เลือกมาให้ชม จริงๆแล้วไม่ว่าวัดไหนก็สวยและน่าไปทั้งนั้น เพียงเราศรัทธาในพระพุทธศาสนาและเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีค่ะ